วันอังคารที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรฮิงญา หรือ โรฮีนจา? และความหมายที่ลึกซึ้งกว่าที่เห็น

วันนี้ผมได้ดูรายการ Wake Up Thailand (http://shows.voicetv.co.th/wakeup-thailand/203991.html) แล้วรู้สึกว่ามีเรื่องน่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังครับ

(**นอกเรื่องนิดหน่อย** ผมคิดว่ารายการ Wake Up Thailand นี่เป็นรายการข่าวที่ดีที่สุดที่เคยดูมาแล้วนะ เรื่องที่เลือกมาเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เคยมีข่าวหรือเนื้อหาไร้สาระ ไม่เคยมีคำพูดด่าทอสร้างความเกลียดชัง มีมุมมองที่แตกต่างแบบที่กระทั่งผู้ดำเนินรายการสามคนก็ยังเถียงกันออกจออยู่บ่อยๆ ถ้าวันๆหนึ่งมีเวลาดูข่าวแค่รายการเดียวนี่ผมแนะนำเลยนะว่าให้ดูรายการนี้ **จบส่วนนอกเรื่อง**)

เรื่องน่าสนใจในรายการก็คือมีประเด็นว่าประเทศเมียนมาร์ (ประเทศเค้าไม่ได้ชื่อพม่าแล้วนะครับ และแม้ว่าเราจะยังติดปากเรียกว่าพม่า มันก็มีเหตุผลที่ดีที่จะเรียกเขาว่าเมียนมาร์ อ่านเหตุผลได้ข้างล่าง) มีความพยายามที่จะเปลี่ยนการสะกดชื่อสิ่งต่างๆ จากเดิมที่สะกดแบบที่คนอังกฤษเรียกในยุคอาณานิคม ก็เปลี่ยนมาสะกดตามวิธีการออกเสียงในภาษาพม่าแทน (ประเทศเมียนมาร์ แต่ภาษายังเป็นภาษาพม่านะครับ รายละเอียดอยู่ข้างล่าง)

ซึ่งคำว่าโรฮิงญานั้นเป็นการถอดเสียงออกมาจากการสะกดในภาษาอังกฤษ ส่วนคำว่าโรฮีนจานั้นเป็นการถอดเสียงออกมาจากการสะกดในภาษาพม่า ซึ่งราชบัณฑิตนั้นเป็นผู้ระบุว่าต้องใช้คำว่าโรฮีนจาถึงจะถูกต้อง ปัญหาของราชบัณฑิตฯอย่างหนึ่งก็คือเชื่อมั่นในแนวคิดของ "ภาษาที่ถูกต้อง" (Prescriptivism/Linguistic Prescription) ซึ่งเป็นแนวคิดว่ามีภาษาที่ถูกต้องเพียงรูปแบบเดียว เราจะสังเกตว่าพฤติกรรมของราชบัณฑิตฯคือการออกมาบอกอยู่ตลอดเวลาว่าคำนั้นใช้ผิดความหมาย คำนู้นไม่มีในพจนานุกรม ไม่บันทึกศัพท์สแลงใหม่ๆลงในพจนานุกรม ฯลฯ คือประมาณว่าภาษาไทยมีรูปแบบที่ถูกต้องอยู่รูปแบบหนุึ่ง และรูปแบบนั้นจะถูกกำหนดได้โดยราชบัณฑิตฯเท่านั้น

อีกแนวคิดหนึ่งของการใช้ภาษาก็คือแนวคิดของ "ภาษาที่ใช้จริง" (Descriptivism/Linguistic Description) ซึ่งไม่ได้คิดว่าภาษาต้องมีรูปแบบที่ตายตัวรูปแบบเดียว และตราบใดที่ผู้ใช้ภาษาเข้าใจกันได้มันก็ไม่มีปัญหาใดๆ เราจะเจอแนวคิดแบบนี้ในพจนานุกรมภาษาอังกฤษเช่นการที่ Oxford English Dictionary เพิ่มคำนำหน้าชื่อ "Mx" เข้าไปในพจนานุกรม (http://bit.ly/1Jz3OgK เป็นคำนำหน้าชื่อที่ไม่ระบุเพศและไม่ระบุสถานภาพทางการแต่งงาน) ลองจินตนาการดูว่าถ้ากลุ่มคนข้ามเพศในประเทศไทยเสนอคำแบบนี้ขึ้นมาราชบัณฑิตฯน่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

ปัญหาสำคัญของ Prescriptivism ก็คือแนวคิดนี้ทำลายวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของภาษา นั่นคือเพื่อช่วยเหลือการสื่อสาร โลกนี้นั้นไม่ได้อยู่นิ่งตลอดเวลา และสภาพสังคมที่เปลี่ยนย่อมจะบังคับให้ภาษาเปลี่ยนตามไปด้วยเพราะรูปแบบภาษาเดิมๆหรือศัพท์เดิมๆไม่ดีพอสำหรับการสื่อสารในบริบทใหม่ ศัพท์สแลง ศัพท์วัยรุ่น ศัพท์อินเตอร์เน็ตทั้งหลายก็เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากเหตุผลนี้ เมื่อรูปแบบภาษาและคำศัพท์เดิมๆไม่ดีพอในการสื่อความหมาย มนุษย์ก็สร้างรูปแบบใหม่ๆหรือศัพท์ใหม่ๆ มันก็แค่นั้นเอง ถ้าราชบัณฑิตฯอยากจะยึดอยู่กับรูปแบบภาษาในอดีตก็คงจะไม่มีใครว่า แต่ก็ทำไปคนเดียวเถอะครับ เพราะไม่มีใครเค้าไปบ้าจี้ทำตามหรอก ให้เลือกระหว่างสื่อสารให้รู้เรื่องกับถูกต้องตามราชบัณฑิตฯ คนส่วนใหญ่เค้าต้องเลือกสื่อสารรู้เรื่องอยู่แล้ว และถ้าทำแบบนี้ไปนานๆคนก็จะเลิกดูพจนานุกรมราชบัณฑิตฯ แล้วไปดูพจนานุเกรียนแทน (มีจริงๆนะครับ http://pojnanukrian.com/)

ส่วนเรื่องจะใช้โรฮิงญาหรือโรฮีนจา ในเมื่อปัจจุบันคนไทยก็รู้จักคำว่าโรฮิงญากันดีแล้ว ดังนั้นก็ใช้ต่อไป จริงๆถ้าเรียกตามเจ้าของภาษาได้ก็ดีนะครับ แต่เราก็ไม่ได้เรียกฝรั่งเศสว่าฝ่องซ์ ไม่ได้เรียกจีนว่าจ๊งกั๋ว อยู่ดีๆจะมาบังคับกันว่าเฉพาะคำนี้เท่านั้นที่ต้องเรียกตามภาษาพม่ามันก็ดูจะตลกๆอยู่ซักหน่อย

-----------------------------------------------------------

วกกับมาเรื่องเมียนมาร์และพม่ากันซักหน่อย คำว่า "พม่า" นั้นเป็นชื่อของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ และเป็นกลุ่มแรกที่ชาวอังกฤษเจอในยุคอาณานิคม จึงได้ตั้งชื่อประเทศตามกลุ่มชาติพันธุ์นี้ คำว่า "พม่า" นั้นจึงเป็นคำที่ 1.ถูกบังคับใช้มาจากคนต่างชาติ 2.ไม่รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ จึงได้เกิดการเปลี่ยนชื่อจากประเทศพม่าเป็นประเทศเมียนมาร์แทน เพราะคำว่าเมียนมาร์นั้นหมายถึงพื้นที่ที่ประเทศตั้งอยู่ แต่ภาษาที่ใช้ยังเป็นภาษาพม่านะครับ เพราะเป็นภาษาที่มาจากกลุ่มชาติพันธุ์พม่า

(ในทางกลับกัน การเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยกลับย้อนทาง เพราะเปลี่ยนชื่อประเทศจากชื่อพื้นที่เป็นชื่อกลุ่มชาติพันธุ์ ตามที่ผมพูดถึงไว้คร่าวๆที่โพสต์นี้ http://kidmaipood.blogspot.com/2015/05/blog-post.html)


-----------------------------------------------------------

แก้ไข: มีมิตรสหายท่านหนึ่งมาช่วยชี้ทางสว่างให้ครับว่าราชบัณฑิตฯมีการออกพจนานุกรมศัพท์ใหม่ๆด้วย(ชื่อว่า "พจนานุกรมคำใหม่ เล่มที่...") ดังนั้นประเด็นเรื่องไม่อัพเดทศัพท์ใหม่ก็เป็นอันตกไป แต่อย่างไรเสียกรณีระหว่าง "โรฮิงญา" และ "โรฮีนจา" ก็ยังเป็นตัวอย่างให้เห็นถึงแนวคิด "Prescriptivism" และ "Descriptivism" อยู่เหมือนเดิม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น