วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

โซนเวลาร่วมของอาเซียน (ASEAN Common Time Zone)

วันนี้ได้อ่านข่าวหนึ่งซึ่งเขียนถึงความพยายามในการปรับโซนเวลาของประเทศทั้งหมดในอาเซียนให้ตรงกัน (http://bit.ly/1zYg319) อ่านแล้วเห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจก็เลยเอามาแบ่งปันกัน

ต้องเริ่มต้นก่อนว่าการบอกโซนเวลาในปัจจุบันจะบอกกันโดยเทียบกับ Coordinated Universal Time (UTC) ซึ่งกำหนดให้เวลามาตรฐานอยู่ที่หอดูดาวเมืองกรีนิช ประเทศอังกฤษ และบอกโซนเวลาด้วยการระบุว่าโซนนั้นต่างจาก UTC เท่าไหร่ ซึ่งประเทศต่างๆในอาเซียนก็จะมีโซนเวลาที่เร็วกว่า UTC ซึ่งเร็วกว่ากี่ชั่วโมงก็ดูได้ตามนี้
UTC+6.5 - เมียนมาร์
UTC+7 - ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม ฝั่งตะวันตกของอินโดนีเซีย
UTC+8 - สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ ส่วนกลางของอินโดนีเซีย
UTC+9 - ฝั่งตะวันออกของอินโดนีเซีย

ซึ่งข้อเสนอนี้จะทำให้ประเทศในอาเซียนมาใช้ UTC+8 ทั้งหมด โดยมีความคาดหวังว่าจะทำให้ง่ายต่อกิจกรรมต่างๆภายในประเทศทั้งการเดินทาง ธุรกรรมการค้า การติดต่อระหว่างหน่วยงานราชการ และยังทำให้โซนเวลาในภูมิภาคเข้าใกล้กับประเทศสำคัญๆหลายประเทศเช่นจีน ฮ่องกง เกาหลี ญี่ปุ่น (http://bit.ly/1z41aQ5)

บางกอกโพสต์รายงานว่าประเทศที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบันคือไทย กัมพูชา และเมียนมาร์ (http://bit.ly/1I84afX) โดยไทยและกัมพูชาเกรงว่าการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลกระทบกับชีวิตภายในประเทศ ส่วนเมียนมาร์นั้นเกรงว่าคนที่อยู่ทางตะวันตกสุดของประเทศในรัฐคะฉิ่นจะได้รับผลกระทบมากเพราะพระอาทิตย์จะขึ้นช้า(เจ็ดโมงกว่าๆ)และตกช้า(สามทุ่มกว่าๆ) ในความเห็นบนหน้าข่าวของบางกอกโพสต์นั้นก็มีคนพูดว่า "คนไทยก็ต้องตื่นเช้าขึ้น" และ "เกษตรกรในชนบทจะมีปัญหาเพราะต้องตื่นเช้าขึ้น แล้วเข้านอนตามเวลาเดิมไม่ได้เพราะอากาศจะยังร้อนอยู่"

ในความเห็นของผมนั้นข้อเสนอนี้เป็นข้อเสนอที่มีประโยชน์มาก การที่ทั้งภูมิภาคจะใช้โซนเวลาเดียวกันนั้นมีประโยชน์มหาศาลจริง สำหรับปัญหาต่างๆเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนั้นดูจะเป็นเรื่องใหญ่เพราะเป็นเรื่องใหม่ที่หลายๆคนไม่เคยเจอมาก่อน แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องเล็กมาก

ผลกระทบกับชีวิตภายในประเทศ
มีหลายประเทศในโลกที่ใช้ Daylight Saving Time (ประเทศสีฟ้าในแผนที่นี้ http://bit.ly/1KfGNjN) ซึ่งเป็นการปรับเวลาให้เร็วขึ้นหนึ่งชั่วโมงในช่วงเริ่มต้นของฤดูร้อน และปรับเวลากลับเหมือนเดิมในช่วงเริ่มต้นของฤดูหนาว นั่นหมายความว่าประเทศเหล่านี้มีการปรับโซนเวลาสองครั้งต่อปี ผมเองมีประสบการณ์การปรับโซนเวลาในอเมริกา ซึ่งชีวิตมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรขนาดนั้น ประเด็นสำคัญคือการทำให้ประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนรับรู้เรื่องนี้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินทำ

ปัญหาในรัฐคะฉิ่นของเมียนมาร์
สถานการณ์ในรัฐคะฉิ่นจะมีความคล้ายคลึงกับเมืองต่างๆในฝั่งตะวันตกของประเทศจีน(ประเทศจีนใช้โซนเวลาเดียวกันทั้งประเทศ คือ UTC+8) เพราะในเมืองเหล่านี้ก็ต้องเจอกับการที่พระอาทิตย์ขึ้นช้าและตกช้าเช่นเดียวกัน ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของเมืองเหล่านี้ก็คือเริ่มทำกิจกรรมต่างๆช้ากว่าส่วนอื่นของประเทศ เช่นเริ่มงานช้ากว่าส่วนอื่นหนึ่งชั่วโมง แน่นอนว่าความต้องการแต่แรกของการใช้โซนเวลาร่วมคือเพื่อให้เวลาการทำงานของทุกส่วนในภูมิภาคตรงกัน แต่หากมีส่วนเล็กๆของประเทศที่จะไม่ตรงกับคนอื่นผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับได้

คนไทยต้องตื่นเช้าขึ้น
จริงครับ แต่ก็เพียงแค่หนึ่งวันเท่านั้น หลังจากวันแรก(ที่เราจะมีแค่ 23 ชั่วโมง) เราก็จะกลับสู่ชีวิตปกติ(มี 24 ชั่วโมงเหมือนเดิม) ผมว่าข้อโต้แย้งนี้ไร้แก่นสารมากๆ

เกษตรกรในชนบท
ผู้ที่ยกเรื่องนี้ขึ้นมาบอกว่าเกษตรกรในชนบทจะมีปัญหา เพราะตื่นมาแล้วจะต้องรอนานกว่าพระอาทิตย์จะขึ้น และตอนจะเข้านอนจะลำบากเพราะอากาศจะยังร้อน ฟังดูอาจจะมีเหตุผลแต่ผมคิดว่าจริงๆแล้วไม่มี เพราะชีวิตของเกษตรกรในชนบทนั้นไม่เคยผูกกับนาฬิกาอยู่แล้ว แต่ผูกอยู่กับพระอาทิตย์ เกษตรกรเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเวลาของกิจกรรมในชีวิตตัวเองตามนาฬิกาแต่อย่างใด สามารถที่จะตื่นและเข้านอนตามพระอาทิตย์ได้เหมือนเดิม

สรุปแล้วผมคิดว่าข้อเสนอนี้มีประโยชน์มาก และไม่ใช่เรื่องยากถ้าคิดจะทำ ข้อโต้แย้งต่างๆนั้นก็ดูจะไม่ได้มีพื้นฐานอยู่บนเหตุผลสักเท่าไหร่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น